ทางรอดธุรกิจร้านค้าปลีกในปัจจุบัน
ปฐมบท
ธุรกิจร้านค้าปลีกดั้งเดิมของเรา กำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤต เนื่องจากการแข่งขันจากธุรกิจขนาดใหญ่ โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern trade) ที่มีสินค้าและบริการแบบครบวงจร (One stop shopping) ส่งผลกระทบ ต่อร้านค้าปลีกสมัยใหม่แต่ขนาดเล็กกว่าโดยตรง และกับร้านค้าปลีกดั้งเดิมด้วย
ทำให้มีการปรับตัวกันอย่างต่อเนือง กระแสที่ได้รับความนิยม และ พิสูจน์ให้เห็นเด่นชัด ได้แก่ ร้านค้าปลีกเฉพาะทาง เห็นได้จาก ปัจจุบันในศูนย์การค้าขนาดใหญ่ มีร้านค้าที่ขายสินค้าเฉพาะทางเกิดมากขึ้น เช่น ร้านขายเฉพาะเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้าน ร้านขายเฉพาะวัสดุก่อสร้าง ห้างที่ขายเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีร้านค้าสมัยใหม่ที่เป็นสมาชิกของแฟรนไชส์ สำหรับร้านในย่านชุมชนการค้า หรือ ในเมือง ร้านขายสินค้าและบริการต่าง ๆ แบบStand alone เกิดขึ้นจำนวนมาก อาทิ แฟรนไชส์ของร้านขายแว่นตา แฟรนไชส์ของร้านปะยางและตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ฯลฯ
ลักษณะเด่นที่สำคัญประการหนึ่งของระบบค้าปลีกสมัยใหม่ คือ จำนวนและความหลากหลายของสินค้า ซึ่งส่งผลทำให้ต้นทุนของผู้บริโภคในการซื้อสินค้าและบริการในห้างขนาดใหญ่ลดลง อาทิ ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบราคาและคุณภาพสินค้าได้ง่าย
และการเดินทางมาซื้อสินค้าที่ห้างขนาดใหญ่ยังทำให้สะดวก ต้นทุนการเดินทางลดลง
แนวทางหนึ่งที่ร้านค้าปลีกดั้งเดิมจะแก้ไขความเสียเปรียบดังกล่าว และ สามารถแข่งขันกับร้านค้าปลีกขนาดใหญ่หรือธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ได้ คือ การปรับตัวสู่ร้านเฉพาะทาง แต่การสร้างรูปแบบร้านเฉพาะทางไม่ง่ายนัก เพราะต้องมีรวมกลุ่มสินค้าที่มีคุณภาพสูง และ ความหลากหลายในกลุ่มสินค้าและบริการ (World class quality) การมีเครือข่าย หรือ สาขา หรือ การรวมตัวกันเป็น พันธมิตร เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้ลูกค้าเกิดความสะดวก และทำให้เกิดความได้เปรียบจากขนาดภายนอก (external economy of scale) ข้อควรระวังของการรวมตัวเป็นลักษณะของตลาดที่ขายสินค้าเฉพาะทางคือ การมีคู่ค้าหลายรายที่มีสินค้าในกลุ่มเดียวกันมารวมตัวกัน เพื่อจำหน่ายสินค้าในสถานที่เดียวกัน แม้ดูเหมือนจะทำให้ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบราคาและคุณภาพสินค้าได้ แต่อาจส่งผลเสียต่อคู่ค้ารายมีสินค้าคุณภาพแต่ขาดประชาสัมพันธ์ ซึ่งในที่สุดจะส่งผลย้อนกลับมายังผู้ประกอบการโดยตรง
ตัวอย่างคลาสิกของรูปแบบของการรวมตัว คือ “ตลาดนัด” หรือเรียกให้ร่วมสมัย คือ “มาร์เก็ตเพลส” (Market Place) อาทิ ตลาดนัดสวนจตุจักรในเขตจตุจักร ตลาดสำเพ็งในเขตสัมพันธวงศ์ ตลาดผ้าโบ้เบ้ในเขตป้อมปราบ ตลาดเสื้อผ้าประตูน้ำในเขตราชเทวี ตลาดต้นไม้ในเขตตลิ่งชัน ฯลฯ ซึ่งตลาดเหล่านี้ยังสามารถดึงดูดลูกค้าจำนวนมากและสามารถจำหน่ายสินค้าได้ แม้ต้องเผชิญการแข่งขันจากธุรกิจการค้าขนาดใหญ่
การเกิดขึ้นของตลาดเฉพาะทางตามข้างต้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ซึ่งบทบาทสำคัญในการผลักดัน คือ รัฐบาลและกรุงเทพมหานครควรมีส่วนในการจัดหาพื้นที่ตลาด โดยการพัฒนาพื้นที่เดิมของกรุงเทพฯที่ยังใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่ รวมทั้งการเจรจาขอใช้พื้นที่หรือที่ดินของหน่วยงานราชการต่าง หรือซื้อพื้นที่หรือส่งเสริมเอกชนซื้อพื้นที่เพื่อสร้างตลาดใหม่ ๆ รวมทั้งสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ สำหรับประชาชนที่มาซื้อสินค้า
วิกฤตร้านค้าปลีกที่ทวีความรุนแรงขึ้น บ้านเราถนัดการออกกฎหมาย จึงมีความพยายามในการกีดกันการขยายสาขาของธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ด้วยกฎหมายฉบับใหม่ๆ ซึ่งไม่ใช่แนวทางแก้ปัญหาที่ยั่งยืน
แนวทางหนึ่งที่จะช่วยกู้วิกฤตร้านค้าปลีกได้ คือ การสนับสนุนการรวมตัวของผู้ประกอบการร้านค้าปลีกดั้งเดิม เพื่อพัฒนาขึ้นเป็นตลาดเฉพาะทางในพื้นที่ต่าง ๆ ที่มีศักยภาพ ซึ่งเปรียบเสมือนการรวมพลังของมดจำนวนมากที่สามารถล้มช้างได้
แล้วจะมีกลุ่มในบ้าง ที่สนใจเรื่องเหล่านี้ ตอนหน้ามาคุยกันต่อนะครับ
Pride Medical Clinic
ตอบลบ*** About us ***
Botox - โบท็อก
Filler - ฟิลเลอร์
Made Collagen - มาเด้ คอลลาเจน
Drip Vitamin - วิตามินดริป
Gluta Vitamin - กลูต้า วิตามิน
Meso - เมโสหน้าใส
RF - อาร์เอฟ